วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2557

แนะนำร้านมาการองขึ้นชื่อความอร่อย

The Oriental Shop
The Oriental Shop ร้านน่ารักบรรยากาศเรียบง่าย สบายตาด้วยโทนสีขาวละมุน ประดับประดาด้วยของตกแต่งตามผนังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ กระจกเงา โคมไฟ สร้างความดึงดูดสายตาให้ชวนเหลียวมองได้เป็นอย่างดี  


Mille Crepe
มิลล์เครป เครปพันชั้น มีที่มาจากการที่คุณเปิ้ลซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ได้ร่ำเรียนวิชาการทำเครปแบบฝรั่งเศสมาโดยตรง จึงเริ่มมาเปิดกิจการร้านน่ารักๆ ใช้ชื่อว่า "Mille Crepe" ตกแต่งร้านด้วยสีสันสดใส โดดเด่นกว่าใคร มีเฟอร์นิเจอร์น่ารักจัดวางไว้อย่างลงตัว มีกระจกบานใหญ่เก่าๆ สไตล์วินเทจ  


Delifrance Fresh Bake Centre Ekamai
                 Delifrance Fresh Bake Centre Ekamai ตั้งอยู่บริเวณกลางซอยเอกมัย 4 ลักษณะเป็นบ้านสีขาว บรรยากาศสบายๆ ที่นี่นอกจากจะมีมุมโต๊ะไว้สำหรับลูกค้าที่เข้ามาลิ้มลองรสชาติเบเกอรี่แล้ว ยังเป็นโรงงานผลิตเบเกอรี่อีกด้วย  

Le Beaulieu Patisserie
Le Beaulieu Patisserie บรรยากาศสบายๆ เหมาะแก่การผ่อนคลายยามบ่ายกับการนั่งจิบกาแฟ ชิมเบเกอรี่อร่อยล้ำ  

Sweety Secret
Sweety Secret ร้านเบเกอรี่สีหวานที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวความอร่อย ตกแต่งด้วยสีชมพูสดใส คุณจะได้พบกับเค้กนานาชนิดที่เรียงรายรอให้คุณมาเลือกไปลองลิ้มชิมรสมากกว่า 30 ชนิด ความพิเศษอยู่ที่บุฟเฟ่ต์เค้กที่คอยบริการสำหรับคอเบเกอรี่หรือรับประทานเป็นชิ้นก็ได้  

Macarons Et Moi
Macarons Et Moi ร้านสำหรับคนชอบขนมมาการอง เพราะที่นี่มีให้เหลือกหลากหลายรสชาติ กับบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง ทานคู่กับชาหรือจะเป็นกาแฟก็มีให้เลือกตามใจชอบ  

Duc De Praslin
Duc De Praslin เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 1997 โดยเป็นบริษัทนำเข้าวัตถุดิบกี่ยวกับช็อกโกแลต และได้ริเริ่มขายพร้อมส่งให้ทางโรงแรม, ร้านค้าต่างๆ ทำให้เป็นที่ถูกใจหลายๆท่านที่ชื่นชอบการทานช็อกโกแลต


Cupcake Terrace by Pim
Cupcake Terrace by Pim ร้านเบเกอรี่บรรยากาศสบายๆ ตกแต่งร้านสวยหวานสไตล์วินเทจ ด้านในของร้านเน้นโทนสีขาวดูโปร่งสบายตากับเฟอร์นิเจอร์สไตล์เรโทร ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย และตู้โชว์คัพเค้กสีสันแสนหวานกับบรรดาขนมหวานต่างๆ อีกมากมายไว้ให้เลือกรับประทาน  


Patisserie Masatomi
Masatomi Patisserie เป็นร้านขนมอบสไตล์ฝรั่งเศส-ญี่ปุ่น ที่ผสมผสานกลิ่นอายของฝรั่งเศสในแบบฉบับดั้งเดิมเข้ากับความเป็นญี่ปุ่นร่วมสมัย จนได้ออกมาเป็นขนมหวานหลากหลายชนิดที่มีสีสันสดใส และรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในแต่ละเมนูจะมีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน  

De La Belle

De La Belle ตกแต่งร้านคล้ายกระท่อมสีชมพูน่ารัก บรรยากาศอบอุ่นเป็นส่วนตัวและเป็นกันเอง ด้านเบเกอรี่ก็สดใหม่ เค้กชิ้นเด่นคือ เค้กเนื้อนุ่มที่ราดด้วยนมสด กลมกล่อมได้ใจ 


เคล็ด (ไม่) ลับของการทำมาการอง

            Macarons เป็นศัตรูกับความชื้น ในส่วนผสมของ Macarons หลักๆ ก็จะมีน้ำตาลทรายขาว น้ำตาลไอซิ่ง อัลมอนด์ และไข่ขาว ความชื้นที่เป็นปัจจัยต่อผลสำเร็จของตัวขนมจะขอแบ่งดังนี้ คือ ความชื้นภายในขนมและความชื้นภายนอกขนม
ความชื้นภายในขนม
           ส่วนผสมที่จะเกิดความชื้นได้ก็มาจากไข่ขาวกับอัลมอนด์ และน่าจะรวมถึงน้ำตาลด้วย ดังนั้นเราต้องกำจัดความชื้นดังกล่าวก่อนค่ะ
            1. ไข่ขาว เนื่องจากไข่ใหม่จะมีความชื้นมากกว่าไข่เก่า เวลาทำขนมตัวนี้จึงนิยมใช้ไข่ขาวเก่ามากกว่า ไข่ขาวที่ตอกออกมาจากไข่แดงใหม่ๆ จะมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ค่อนข้างมากเป็นอุปสรรคกับการพักผิวหรือบางคนก็เตรียมไข่ขาวใส่ถ้วยวางไว้ที่อุณหภูมิห้องทิ้งไว้ 2-3 คืนหาผ้าบางคลุมกันแมลงไว้ ทั้งนี้เพื่อให้ความชื้นระเหยออกไปบางส่วน บางวิธีนำไข่ขาวใส่หม้อตีบนเตา บ้างก็นำเข้าไมโครเวฟ แล้วแต่ถนัด
            2. อัลมอนด์ หลายคนนำเอาอัลมอนด์ปั่นไปอบหรือตากแดดก่อนเพื่อไล่ความชื้นออกไป
            3. น้ำตาล สังเกตได้ว่าตอนหน้าร้อนเวลาตักน้ำตาลชงกาแฟไม่มีน้ำตาลติดช้อน แต่เมื่อเข้าหน้าฝนน้ำตาลจะติดช้อนขึ้นมา แต่ยังไม่เห็นใครไล่ความชื้นจากน้ำตาลนะคะ หรือว่ามีแต่ยังอ่านไม่เจอก็ได้
ความชื้นภายนอก
             คือสภาพอากาศในวันที่ทำขนม ถ้าเป็นวันฝนตกโอกาสจะสำเร็จน้อยหรืออาจต้องใช้เวลาพักผิวกันนาน ในเมืองไทยเท่าที่อ่านเจอตามบล็อกส่วนใหญ่จะพักผิวราวๆ 45 นาทีขึ้นไป อาจนานถึง 2-4 ชั่วโมง แต่ที่ ตปท. อากาศแห้งก็พักแค่ 15-20 นาทีก็แห้งแล้ว นอกจากนี้ยังมีความชื้นที่เกิดขึ้นในเตาขณะที่อบขนม จึงมีบางคนแง้มประตูเตาหลังจากที่อบได้ระยะเวลาหนึ่งเพื่อระบายความชื้นออกไปหรือลดอุณหภูมิในเตาลง (อันนี้เคยทำตามแล้วไม่สำเร็จสักอย่าง)
ทำไมเราต้องพักผิว

            การพักผิวให้แห้งสนิท เพราะเมื่อนำ Macarons เข้าอบจะได้มีกระโปรงหรือขายืดออกมาจะได้เป็น Macarons ที่สมบูรณ์ เมื่อ Macarons ได้รับความร้อนไอน้ำในตัวก็จะดันขึ้นด้านบน ทีนี้ถ้าหน้าขนมไม่แห้งสนิทจริงๆ ขนมก็จะหน้าแตก แต่เมื่อขนมแห้งสนิทไอน้ำที่ดันขึ้นข้างบนก็จะงอนหาทางออกไม่ได้เลยต้องย้อนกลับลงด้านล่างกลายเป็นขาหรือกระโปรงอันสวยงามให้เราชื่นใจ





เหตุผลที่มาการองแพง

  จะมีด้วยกัน 2 กรณี คือ
กรณีที่ 1 แพคเกจสวยขนมถูก ซึ่งคุณจ่ายค่าแพคเกจไปเยอะเลยหล่ะค่ะ
กรณีที่ 2 ประเภทขนมดี ต้นทุนสูง
ในกรณีที่ 2เหตุผลที่แพงก็เพราะ
1. อัลมอนด์มันแพงค่ะ ซึ่ง Macarons ที่ดี ควรรู้สึกถึงอัลมอนด์มากกว่าน้ำตาล (ซึ่งหายากมากในท้องตลาดไทย)
2. ไส้ ถ้าเป็นพวกกานาช ราคาจะสูง บางทีก็เป็นพาสทรี่ครีม หรือบัตเตอร์ครีมแท้ หรือแยมที่เป็นแยมคุณภาพดี  ร้านที่ไม่แพง มักเป็นแยมหวานๆ ไม่ก็บบัตเตอร์ครีมเลี่ยนๆแบบผสมเนยขาว
3. การสูญเสียระหว่างทำ อย่างถาดนึง หยอดมา 40 คู่ ออกมาจริงๆอาจจะใช้ไม่ได้ไป 10 คู่ อะไรอย่างนี้ เพราะมันเป็นขนมที่บอบบาง และละเอียดอ่อนมากค่ะ
นี่คือพูดถึงต้นทุนอย่างเดียว ยังไม่รวมเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆของร้านที่ต้อง top up ขึ้นไปด้วย

ส่วนประกอบหลักอาจมีแค่ไข่ขาว อัลมอนด์ป่น และน้ำตาลก็จริงค่ะ  แต่เทคนิคการทำให้มาการองออกมาดียากมาก แทบจะเป็นขนมปราบเซียนเลย ขั้นตอนในการทำก็ยุ่งยาก กว่าจะทำได้ดีๆก็ต้องฝึกหนักอยู่ค่ะ ฉะนั้นมันคือราคาในส่วนนี้มันเป็นค่าเทคนิค ที่น้อยคนจะทำได้ดี


ความสับสนระหว่าง Macaron กับ Macaroon

Macaron (มาการง หรือ มาการอง หรือ มากาฮอง)
     มาการง เป็นขนมฝรั่งเศส คนฝรั่งเศสแท้ๆจะออกเสียงว่า มา-กา-ฮองแต่เราไม่ค่อยถนัดปาก เลยขอเรียกแบบสากลว่า "มาการง" ก็แล้วกัน มาการงเป็นขนมที่ทำจากไข่ขาว น้ำตาลไอซ์ซิ่ง และแป้งอัลมอนหรืออัลมอนบด ทำเป็นทรงโดมครึ่งวงกลม แต่งสีแต่งกลิ่นได้หลากหลาย แล้วประกบกันสอดไส้ด้วย ครีมเนยสด ช็อคโกแล็ต หรือแยม
- มาการง จะสอดไส้ด้วยครีม เนยถั่ว ช็อคโกแล็ต หรือแยม
- มาการงมีหลากหลายสีสัน
ชื่อ Macaron มาจากภาษาอิตาเลี่ยนว่า maccarone ซึ่งแปลว่า ทุบหรือ บดมีที่มาจากการเอาอัลมอนมาบดเพื่อทำเป็นขนมนั่นเอง แต่อิตาเลี่ยนเค้าไม่ได้เอาอัลมอนมาบดแล้วทำเป็นขนมมาการง กลมๆแบบที่เราเห็นกัน แต่มันออกมาหน้าตาอีกแบบนึง ซึ่งเรียกกันว่ามาคารูน
มาคารูน เป็นขนมอิตาลี่ที่มีประวัติยาวนานมาก จนหาต้นตอแทบจะไม่เจอ แต่ว่ากันว่ามาจากราชวงศ์ของอิตาลี่ มาคารูน ทำมาจากอัลมอนทุบ หรือมะพร้าว อบกับไข่ขาว แล้วแต่งหน้าด้วยเครื่องต่างๆเช่นซอสเชอร์รี่ หรืออาจจุ่มในช็อคโกแล็ต เมื่ออบออกมาแล้วจะหน้าตาคล้ายๆคุกกี้ หรือขนมบ้าบิ่นบ้านเรา เนื่องจากสูตรที่นิยมของมาคารูนจะเป็นมะพร้าว ส่วนมากจึงมักเรียกพ่วงกันเป็น Coconut Macaroon นั่นเอง
ความสับสนอันนี้มีที่มาจากความคล้ายกันของภาษาที่รับเอามาจากอิตาลี่ หลายปีที่ผ่านมาคนทั่วไปเข้าใจว่า Macaroon กับ Macaron นั้นเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ก็อย่างที่เห็นครับ แค่ O ตัวเดียว แต่หมายถึงขนมที่หน้าตาต่างกันคนละโลกเลยล่ะ

ในปัจจุบันตำราอาหารหลายๆเจ้า ก็เลยปรับเปลี่ยนชื่อเรียกขนมทรงกลมหลากสีอันนี้ โดยการใช้คำอ่านแบบฝรั่งเศสแทนไปเลย คือมาการง หรือ มากาฮอง เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน กับเจ้าขนมคุ้กกี้มะพร้าวที่เรียกว่ามาคารูน และเวลาจะเรียกมาคารูน ก็มักจะเรียกเป็น Coconut Macaroon เพื่อให้ชัดเจนไปเลยนั่นเอง...


วิธีการทำมาการอง

    สูตร (ไข่ 1 ฟอง ) ทำได้ 10 คู่
1. ไข่ขาวแยกไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 2-3 วัน 35 กรัม   
2.อัลมอนต์บด 43 กรัม (อัลมอนต์ที่ใช้จะต้องแห้งนะครับ จะต้องไม่จับตัวเป็นก้อน จะนำไปตากแดดหรือนำไปอบเพื่อไล่ความชื้นก่อนก็ไม่ว่ากันครับ)
3.น้ำตาลไอซิ่ง 63 กรัม
4.น้ำตาลทราย 23 กรัม
5.สีผสมอาหาร (ตามใจชอบครับ ส่วนตัวผมใช้สีผสมอาหารแบบน้ำ ถ้าใส่ไม่ควรเกินครึ่งฝา)

ขั้นตอนการทำ

1.นำอัลมอนต์บด+น้ำตาลไอซิ่ง มาร่อนรวมกันไว้ ใช้วิธีร่อน เพราะมันน่าจะทำให้หน้ามาการองเราเนียนขึ้น เสร็จแล้วพักไว้
2.นำไข่ขาว ที่พึ่งแยกไว้ มาตี ให้เนื้อพอหยาบแล้วใส่นำตาลทรายลงไป ตีต่อไปสักพัก หยดสีลงไปเลย แล้วตีต่อไปเรื่อยๆ จนเกือบตั้งยอดยอดแข็ง แค่เกือบตั้งยอดแข็งแล้วพอ



3.เสร็จแล้ว  นำมาตะล่อมให้เข้ากัน อันนี้สำคัญมาก ถ้าเราตะล่อมนานอาจจะทำให้ส่วนผสมเราเหลวได้ แล้วขา มาการองจะไม่งอก แต่ถ้า ข้นหรือหนืดเกินไป ขาก็จะไม่งอกอีก แถมยังมีโอกาสที่หน้าจะแตกและแห้งได้ อาศัยวิธีการตะล่อมไปเรื่อยๆแล้วใช้วิธีหยอดดู ถ้ายอดตรงที่เราหยอดลงไป ค่อยๆไหลลงมารวมกันจนเกือบจะเเป็นเนื้อเดียวกันก็เป็นอันใช้ได้




*แนะนำให้ใช้พายตะล่อมแทนตะกร้อมือ เราจะควบคุม ความหนืดความเหลว ได้ง่ายกว่า
4. พอผสมได้เนื้อตามที่ต้องการแล้ว ก็นำมาใส่ถุงบีบ บีบใส่แผ่นรองอบ หยอดแบบตั้งมุกฉากเลย เดี๋ยววเนื้อกับจุก จะค่อยๆไหลลงมารวมกัน เป็นเนื้อเดียวกันเอง หยดเสร็จก็พักผิวไว้




5.พอเนื้อแห้งได้ที่แล้ว ก็เอาเข้าเตาอบ  วอมร์เตาไว้รอ ที่อณภูมิ140องศาซักประมาณ10นาที จากนั้นก็นำเข้าอบเลย อบที่อุณภูมิ 140 องศา นาน 12นาที อบชั้นกลางแบบไม่มีพัดลม เป็นไฟล่างอย่างเดียว 7นาที พอ5นาทีหลัง แง้มฝาเตาอบ ไว้นิดนึง (เตาอบแต่ละบ้านอุณภูมิไม่เหมือนกัน )

อบเสร็จก็ออกมา ประมาณนี้  จากนั้นก็นำมาใส่ไส้ 




แนะนำมาการองแต่ละสี 12 สี 12 รส

  • Mojito (สีฟ้า) รสโมจิโต้ ประกอบด้วย แยมราสเบอร์รี่ในไส้กลางล้อมด้วยครีมโมจิโต้ มิ้นท์
  • Raspberry Cream (สีขาว) รสราสเบอร์รี่ครีม สอดไส้ ราสเบอร์รี่กลาง ล้อมรอบด้วยครีมนมสด
  • Lemon (สีเหลือง) รสเรมอน ผลิตจากเลมอนสด
  • Fresh Berry (สีแดง) รสเฟรช เบอร์รี่ สอดไส้ด้วยผลไม้เบอร์รี่
  • Green Tea (สีเขียว) รสชาเขียว ผลิตจากชาเขียว คุณภาพดีเยี่ยมจากญี่ปุ่น
  • Peach (สีส้มแดงลายจุด) รสพีช ผลิตจากผลไม้นำเข้า รสหวานหอม อมเปรี้ยว
  • White Coffee (สีน้ำตาลลายจุด) รสไวท์ คอฟฟี่ หอมกลิ่นของเมล็ดกาแฟผสมด้วยไวท์ช็อคโกแลต
  • Orange (สีส้ม) รสส้ม ผลิตจากส้มแมนดาริน
  • Strawberry (สีชมพู) รสสตอเบอร์รี่ สอดไส้ด้วยแยมสตอเบอร์รี่
  • Blueberry (สีม่วง) ผลิตจาก ผลบลูเบอร์รี่ และไวท์ช็อคโกแล็ต
  • Passion Fruit (สีส้มเหลือง) รสเสาวรส สอดไส้ด้วยครีมเสาวรสและเนื้อเสาวรส




เคล็ดลับการรับประทานมาการองให้อร่อย

เคล็ดลับอยู่ที่หลังจากนำ มาการองสองชิ้นมาประกบกันแล้ว ต้องเก็บไว้ในที่เย็นสักหนึ่งคืน เพื่อให้ไส้รสชาติต่าง ๆ ซึมซับเข้าสู่ชั้นของเนื้อขนม   นอกจากนี้ความชื้นจากไส้ครีมยังทำให้ มาการองมีความนุ่มหนึบเวลาเคี้ยวอีกด้วย  จะต้องมีรสชาติที่ผสานกันอย่างลงตัวระหว่างไส้ครีมกานาชกับเนื้อคุกกี้  ขนาดของส่วนสูงที่สมดุลของตัวคุกกี้ชิ้นบนและล่างที่ต้องเท่า ๆ กัน  รวมทั้งไส้ที่บีบให้พอดีขอบและมองเห็นเป็นแนวเส้นเล็ก ๆโดยรอบตลอดชิ้น